ทำไมถึงอ่านหนังสือช้า อ่านไม่ออก จำคำศัพท์ไม่ได้ ?
บางคนมีปัญหาในการเรียนภาษาต่างประเทศ ทำไมจำคำศัพท์ไม่ค่อยได้ ลืมบ่อย เรียนรู้ภาษาช้า อ่านไม่ค่อยออก สะกดผิด ปัญหานี้เรียกว่า Dyslexia /ดิส เล็กซ์ เซีย/
● Dyslexia คือ คนที่มีปัญหาในการอ่าน พบได้ประมาณ 4-10% หมายความว่าถ้าห้องนึงมีนักเรียน 50 คน จะมีเด็กกลุ่มนี้ได้ถึง 5 คน ไม่น้อยเลย ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วย โรคนี้มักถูกรวมเข้ากับกลุ่มโรคเรียนช้า learning disorder (LD) แต่ส่วนตัวหมอไม่ชอบเรียก LD เพราะมันกว้างไป
● อาการหลัก เช่น
- อ่านช้า ต้องอ่านซ้ำหลายรอบจึงเข้าใจเนื้อความ
- สะกดคำผิด ผสมคำไม่ได้
- อ่านไม่ออก จำคำไม่ได้ จำคำศัพท์ได้ยาก
- มีปัญหาในการเรียนภาษาต่างประเทศ
- มีปัญหาตั้งแต่เด็กๆจนโต บางคนอาการดีขึ้น บางคนแย่เท่าเดิม
● อาการร่วม เช่น
- ปัญหาการเขียน (dysgraphia)
- ปัญหาด้านการพูด เลือกใช้คำพูดไม่เหมาะสม
- ปัญหาการคำนวน (dyscalculia)
● สมองส่วนไหนที่มีปัญหาบ้าง ?
มองภาพง่ายๆว่า สมองแต่ละส่วน (grey matter, lobe) เหมือนเมือง ซึ่งทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนเส้นใยสมอง (white matter,fiber track)เหมือน ถนน เชื่อมเมืองเข้าหากัน
1- สมองส่วนที่ทำงานน้อยกว่าคนปกติ
- สมองที่เกี่ยวกับการจำคำศัพท์ (occipital lobe) การออกเสียง (temporal lobe) และการแปลงภาพอักษรเป็นเสียง ความแตกต่างของภาพและเสียงที่ต่างกัน (parietal lobe) โดยเฉพาะด้านซ้าย
- เปลือกสมองด้านซ้าย (left temporal-parietal cortex)
- เปลือกสมองส่วนหลังซ้าย (left occipitotemporal)
- สมองส่วนการฟัง (Wernicke) และสมองส่วนการพูด (Broca)
- สมองน้อย (cerebellum) ไม่ใช่แค่เรื่องการทรงตัวนะอย่างที่เรียนเบสิคกันมา ปัจจุบันเรารู้ว่าสมองน้อยดูแลเรื่องความฉลาดหลายอย่าง
- จากรูป บางคนอาจเห็นว่าขนาดมันต่างกันนิดเดียวเอง มีผลขนาดนั้นเลยเหรอ ? คิดตามง่ายๆว่า เปลือกสมองขนาด 1x1x1 มิลลิเมตร มีเซลล์สมองประมาณ 50,000 เซลล์ มีจุดเชื่อมต่อกับเซลล์อื่นๆประมาณ 50 ล้านจุดเชื่อมต่อ ดังนั้นพื้นที่ในรูปอาจดูเล็กๆ แต่ปัญหาไม่เล็กเลย
2- เส้นใยสมอง (white matter, nerve fiber) ที่เป็นถนนเชื่อมโยงสมองแต่ละส่วน ทำงานช้ากว่าคนปกติ ตัวอย่างรูปแสดงเส้นใยสมองที่เชื่อม 205 จุดในสมอง
● การรักษา
- ลดการทำลายเซลล์สมอง เช่น การนอนดึก กินของหวาน น้ำอัดลม กินของทอดของมัน ความเครียด อารมณ์ร้อน
- การฝึกฝนให้ตรงกับปัญหา ไม่ใช่ฝึกมั่วซั่วไปหมด ต้องฝึกบ่อยๆ สม่ำเสมอ วันละ2-4 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งบางคนที่มีความผิดปกติไม่เยอะ ก็หายได้แค่การฝึกให้ถูกวิธี
- การได้รับอากาศดีๆ oxygen ดีๆ ไม่ใช่มีแต่ PM2.5 เต็มปอด สมองก็แย่ไปด้วย
- การนอนหลับพักผ่อน ให้สมองได้ฟื้นฟูเต็มที่ ไม่นอนดึกเกิน 4 ทุ่มและนอนอย่างน้อย 6-7 ชม. การนอนดึกแล้วมาชดเชยช่วงกลางวัน ไม่สามารถทดแทนได้
- การกินยาหรือวิตามินเสริมบางตัว ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองเพิ่มขึ้น สารเคมีในสมองมากขึ้น และต้องร่วมกับการฝึกฝนเสมอ แต่ก็มีหลายๆคนที่ไม่ตอบสนองเนื่องจากเป็นเยอะ หรือหวังพึ่งแต่อาหารเสริมและยา ไม่ยอมฝึกฝนเลย (ส่วนตัวหมอจะยังไม่แนะนำแบบนี้ ควรไปแก้ต้นเหตุต่างๆหรือการฝึกที่ถูกต้องก่อน จะได้ไม่เสียเงินโดยใช่เหตุ และพวกขี้โม้ โฆษณาโอ้อวดเต็มไปหมด หมอไม่อยากให้ใครต้องเป็นเหยื่อ)
- การกระตุ้นสมอง ด้วยคลื่นแม่เหล็ก TMS
- เป็นการแก้ปัญหาโดยตรง ที่ตำแหน่งสมองที่ทำงานน้อยและเส้นใยที่สื่อสารช้า
- แต่ละคนก็มีปัญหาไม่เหมือนกัน ต้องประเมินอย่างละเอียดว่าคนๆนี้มีปัญหาที่สมองส่วนไหน ความรุนแรงน้อยหรือว่าหนัก การฝึกฝนยิ่งฝึกมากฝึกบ่อยยิ่งดีขึ้นเร็ว
- โดยกระตุ้น 1-5 ครั้ง/สัปดาห์ ใช้เวลา 3-24 เดือนแล้วแต่ความรุนแรง
- บางคน 10 ครั้งก็ดีขึ้นมากๆ บางคนใช้เวลา 6 เดือน
- ไม่มีใครรับประกันผลได้ เพราะขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น มีปัญหาที่สมองกี่ส่วน เป็นน้อยหรือมาก คนไข้ลดปัจจัยที่จะทำร้ายสมองได้หรือยัง ฝึกฝนถูกวิธีและสม่ำเสมอมั้ย ? จากประสบการณ์หมอ ทุกๆคนที่ทำไปดีขึ้น เพราะเราแก้ที่ต้นเหตุ แต่จะดีมากหรือน้อยขึ้นกับปัจจัยข้างบน
● ตัวอย่างคนดังๆที่มีปัญหานี้ เช่น
- ปิคัซโซ่ จิตรกรระดับโลก
- John F Kennedy ประธานาธิบดีอเมริกา
- Michael Phelps นักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก
จะเห็นได้ว่าต่อให้เป็น dyslexia ก็ประสบความสำเร็จและมีความสุขได้ ^^